วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

"เคล็ดลับ" สอนคณิต...คิดพอเพียง


           วิชาอะไรเอ่ย ทั้งยาก ทั้งน่าเบื่อ.... อันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้น วิชาคณิตศาสตร์ “ยาขม” ของวัยรุ่น วัยเรียนหลายๆคน แต่คุณเคยเจอบทเรียนแบบนี้ไหม....เรื่องสินค้ามือสองกับฟังก์ชั่นล็อก .....เซ็ตอินเตอร์เซ็กชั่นกับพืชผักสวนครัว... ถ้าคุณไม่เคย ก็ไม่แปลก เพราะนั่นเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของ “ครูวาริน รอดบำเรอ” จากโรงเรียนศรีวิชัยวิทยา อ.เมือง จ.นครปฐม

         โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา เป็นหนึ่งในโรงเรียนเครือข่าย ภายใต้โครงการเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา ซึ่งสนับสนุนโดยมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่มีการบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอนของครูทุกรายวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาคณิตศาสตร์ ที่ “ครูวาริน” พยายามคิดค้น พัฒนา สื่อการเรียนการสอนและเป็นที่มาของ บทเรียนสนุกๆ จนทำให้เด็กนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ ตื่นเต้นกับการเรียน “คณิตศาสตร์” ตลอดเวลา
ครูวาริน รอดบำเรอ โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา มีประสบการณ์สอนคณิตศาสตร์มานานกว่า ๒๘ ปี เปิดเผยว่ากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของโรงเรียนศรีวิชัยฯ ได้บูรณาการเนื้อหาและออกแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในทุกช่วงชั้น โดยเน้นจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ใกล้ตัว ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุปรายงาน เพื่อให้เกิดมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาวิชา มีทักษะการแก้ปัญหา การให้เหตุผล และนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด 
ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยีไปใช้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในทุกช่วงชั้น จะเชื่อมโยงสาระวิชาคณิตศาสตร์กับหลักสูตรท้องถิ่นในเรื่องต่างๆ อาทิ การศึกษา อายุ อาชีพ จำนวน ระบบเศรษฐกิจ สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของชุมชน เช่น ในช่วงชั้นที่ ๔ (ม.๔- ม.๖) มีการบูรณาการและออกแบบกิจกรรมตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเชื่อมโยงการเรียนรู้ชุมชนดังนี้ ชั้น ม.๔ เรื่องฟังก์ชันกำลังสองกับความพอเพียง และการพัฒนาชุมชนด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ชั้น ม.๕ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติกับการแก้ปัญหาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โจทย์คณิตศาสตร์ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดด้วยฟังก์ชันลอการิทึมและสนุกกับสินค้ามือสองด้วยฟังก์ชันลอการิทึม ส่วนชั้น ม.๖ เป็นเรื่อง ความน่าจะเป็นกับความพอเพียง
        ตัวอย่างเช่น เรื่องสินค้ามือสองกับฟังก์ชั่นล็อก ในช่วงปี ๒๕๔๙ กระแสสินค้ามือสองได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่นจึงนำมาบูรณาการในการเรียนการสอน เพื่อให้ข้อคิดกับเด็กว่า ไม่ควรซื้อสินค้ามือสองโดยไม่คำนึงถึงเหตุและผล พร้อมดึงเข้าสู่เนื้อหาเรื่องฟังก์ชั่นล็อก ซึ่งเป็นเรื่องการคิดค่าเสื่อมราคาสินค้า ด้วยการให้เด็กเปรียบเทียบสินค้าว่ามีอายุการใช้งานกี่ปี หากคิดค่าเสื่อมราคาและความคุ้มค่าแล้ว ควรซื้อสินค้าหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็กที่สามารถดึงเข้าสู่บทเรียนได้ นอกจากนี้ยังมีการนำเรื่องบัตรเติมเงินโทรศัพท์มาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนด้วยเช่นกัน เพราะทุกวันนี้เด็กใช้โทรศัพท์มือถือกันจนเป็นเรื่องปกติ ห้ามก็ไม่ได้ ครูจึงให้เด็กเก็บบัตรเติมเงินไว้แล้วให้เลือกมาหนึ่งใบ พร้อมกับให้สร้างโจทย์คณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับบัตรเติมเงินโทรศัพท์นั้นว่า เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ครูสอนอย่างไร
          เซ็ตอินเตอร์เซ็กชั่นกับพืชผักสวนครัว คือการเรียนเรื่องเซ็ตหรือการจัดกลุ่มแทนที่จะใส่ตัวเลข ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นต้นไม้ หรือพืชสวนครัวที่ปลูกในพื้นที่จำกัดก็ได้ วิธีการคิดก็คือ ถ้าพืชวงที่หนึ่งเป็นวงไม้ประดับ แล้ววงที่สองเป็นไม้ที่กินได้ ฉะนั้นที่เราจะปลูกไม้ประดับเพื่อความสวยงาม หรือไม้กินได้ที่ไม่สวยงาม หากลองปลูกไม้ทั้งสองอย่างรวมกันเลือกที่สวยด้วย แล้วเอามากินได้ด้วย นั่นก็คือการอินเตอร์เซ็กชั่นกันในเรื่องของเซ็ต ซึ่งสิ่งที่ครูให้เด็กได้เรียนรู้นอกเหนือจากวิชาคณิตศาสตร์แล้วยังสอนให้รู้ว่าพืชสวนครัวเป็นอาหาร ขณะเดียวกันก็โยงไปสู่สภาพบ้านของเด็กและอาชีพของผู้ปกครองด้วย
ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถิติและการประยุกต์ ก็มีการออกแบบกิจกรรมที่ให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้หลายรูปแบบ และเชื่อมโยงชุมชนใกล้ตัว เช่น การวิเคราะห์ชีวิตประจำวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการนำเสนอข้อมูล รายงานการสำรวจอาชีพของชุมชน โครงงานรณรงค์การรับประทานอาหารให้หมดจาน โครงงานคณิตศาสตร์กับการบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การ์ตูนป๊อปอัฟคณิตศาสตร์แฝงคุณธรรมและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การสร้างจิตอาสาและ
บำเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น
ไม่เฉพาะครูวารินเท่านั้นที่บูรณาการและออกแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์โดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาใช้ แต่ยังรวมถึงครูท่านอื่นๆ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ได้ร่วมกันออกแบบและจัดการเรียนการสอนจนทำให้วิชาคณิตศาสตร์ที่เด็กๆ หลายคนส่ายหน้า ไม่อยากเรียน ให้กลายเป็นวิชาที่สนุกไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ซึ่งครูวารินเองบางครั้งสอดแทรกเนื้อหาวิชาลงไปโดยที่เด็กไม่รู้ตัว เช่น การให้เด็กทำโครงงานแทนที่จะบอกว่าวันนี้จะเรียนเรื่องโครงงานกัน ก็เปลี่ยนเป็นว่าวันนี้ครูจะเล่านิทานให้ฟัง ซึ่งวิธีการนี้ทำให้ได้ข้อสรุปว่าแม้แต่เด็ก ม. ๕ ก็ยังชอบฟังนิทานอยู่ 
“ถ้าพูดหรือบอกเด็กเฉยๆ เด็กก็ไม่ชอบ แต่ครูจะบอกว่าวันนี้จะสอนเรื่องโครงงานคณิตศาสตร์ โดยเริ่มตั้งแต่ว่าโครงงานมีกี่ประเภท แล้วใช้สื่อประกอบทั้งสื่อภาพ สื่อนิทาน พอเล่าจบ ก็ชวนเด็กมาช่วยกันสำรวจโครงงานในโรงเรียนก่อนว่าเขาจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เมื่อจะทำก็ต้องมีการเก็บข้อมูล สอนเด็กให้รู้เป้าหมาย วิธีการ ขั้นตอนในการทำโครงงาน ที่ต้องมีการวางแผน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ต้องมีการพูดคุยกันและร่วมกันคิดวิเคราะห์ การสอนแบบนี้พบว่า เด็กสนใจมาก เพราะเขามองเห็นภาพของการทำโครงงาน จึงเกิดความรู้สึกดีในการเรียนและการทำงานร่วมกับเพื่อน และในที่สุดแล้วการทำโครงงานก็สามารถดึงให้เด็กนำความรู้ทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการทำงานได้”

          ครูวาริน เล่าต่อว่า สิ่งสำคัญของการบูรณาการเรียนการสอนแบบนี้ก็คือ เราต้องย้ำในส่วนที่เด็กไม่เข้าใจ ให้เด็กเข้าใจก่อน จากนั้นจึงให้เด็กวิเคราะห์ว่าที่ทำอย่างนี้ ดีหรือไม่ดีอย่างไร และมีข้อเสียตรงไหนอย่างไร สำหรับผลงานของเด็กๆ นั้น ครูวารินจะคัดเลือกชิ้นงานที่ดีๆ ของเด็กแต่ละรุ่นเก็บไว้เป็นตัวอย่างให้กับเด็กรุ่นต่อๆ ไปได้ดู นอกจากนี้ครูเองก็ต้องเรียนรู้จากงานของเด็กด้วยว่า หากจะสอนเรื่องนี้ในปีต่อไป ต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ทันสมัย ไม่น่าเบื่อ และไม่ซ้ำของเดิมนอกจากการนำเรื่องใกล้ตัวมาบูรณาการสู่การเรียนการสอนแล้ว ครูวารินบอกว่า “สื่อการสอน”คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ ซึ่งอาจารย์วารินได้สร้างนวัตกรรมสื่อการสอนคณิตศาสตร์ “กระดานเอนกประสงค์” ซึ่งเป็นสื่อที่ประดิษฐ์จากเศษวัสดุ โดยใช้กระดานสังกะสี เส้นแม่เหล็ก ตัวติดตู้เย็น และเศษวัสดุเหลือใช้ที่นำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับสาระที่สอน เพื่อให้เด็กใช้ในการแบ่งกลุ่มหรือแยกจำนวน ซึ่งเด็กสามารถหยิบจับเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการ พบว่าเด็กๆ ชอบวิธีการสอนแบบนี้ เพราะรู้สึกสนุก

ด้วยเหตุนี้ก่อนเริ่มสอนครูวารินจะเตรียมการสอนและเตรียมสื่อก่อนทุกครั้ง ซึ่งสื่อการสอนที่ครูวารินทำมาก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งสื่อเอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์
สื่อประดิษฐ์ และสื่อคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้สื่อที่นำมาสอนก็นำมาใช้เพื่อสอบเด็กด้วยแทนการสอบข้อเขียน ซึ่งเด็กจะสนุกและพูดออกมาเองว่า การสอบไม่จำเป็นต้องเป็นข้อเขียน การสอบอาจมาจากการทำกิจกรรม และวัดผลจากการทำกิจกรรมก็ได้
“เราต้องพัฒนาสื่อการสอนที่หลากหลาย ไม่ใช่เป็นครูโบราณคร่ำครึ แต่เราต้องก้าวให้ทันยุคสมัย และนำมาเชื่อมโยงมาประยุกต์ใช้กับเด็ก เพื่อให้เขาเข้าใจได้ง่าย ” ครูวารินบอกพร้อมกับย้ำว่า คณิตศาสตร์ส่วนมากมักเป็นนามธรรม การสอนให้เด็กเข้าใจได้ง่ายขึ้น จึงต้องเป็นการเรียนรู้จากรูปธรรมไปหานามธรรม ครูต้องหาสิ่งที่เป็นรูปธรรมง่ายๆ ให้เด็กเห็น ซึ่งบางครั้งอาจมาจากการเชื่อมโยงโจทย์เนื้อหาที่ต้องการสอดแทรกเข้าไป หรือบางโจทย์อาจใช้คำพูดแทรกเข้าไปแทนก็ได้
“การจัดการเรียนการสอนแบบนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ “ครู” โดยต้องเริ่มจากสิ่งที่คุณครูถนัดก่อน เพราะหากครูรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ จะทำให้เกิดพลังให้ครูอยากทำต่อไปเรื่อยๆ ถ้าอยากรู้ว่าการออกแบบการเรียนการสอนของเราประสบผลสำเร็จหรือไม่ ให้มองดูตาเด็กเวลาเรียนว่าแตกต่างจากที่เคยสอนหรือไม่ แววตา
ของเด็กจะบอกให้รู้ว่าเขาอยากเรียนไหม เขาอยากเจอครูไหม และเขามีความสุขที่จะเรียนหรือไม่อย่างไร ถ้าครูทดลองแค่หนึ่งหน่วยการเรียนรู้ก็จะเห็นความแตกต่างของเด็กอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตรงนี้คือ “พลัง”ให้ครูมุ่งมั่นพัฒนาการสอนต่อไป ”


ที่มา  http://www.scbfoundation.com/news_info_detail_th.php?cat_id=1&nid=471

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น